Customer Reviews

SUGAR DARK เด็กสาวและความมืดที่ถูกกลบฝัง (นิยาย)
5
นิยายแนวโรแมนติกปนสยอง สมชื่อSugar Dark อ่านสนุก บรรยายดี สนกมากครับ
โดย: เต่าน้อย วันที่เขียนรีวิว: 07 กันยายน พ.ศ. 2557

นิยายแนวดาร์กโรแมนติก (มีคำนี้รึเปล่าไม่รู้แฮะ แต่ผมรู้สึกว่ามันเหมาะดี) นิยายออกแนวมืดๆ หลอนๆ ทั้งเรื่องดำเนินอยู่ในหลุมฝังศพ “แมสเกรฟ” หรือก็คือสุสานหมู่ที่ใช้ฝังศพมากมายมหาศาลแบบไม่ต้องสนคนมาเยี่ยมหลุมศพเลยนั่นแหละ
พระเอกเป็นนักโทษที่โดนขังทั้งที่ไร้ความผิด แต่เพราะโดนใส่ความจึงกลายเป็นนักโทษ แล้วอยู่ๆ ก็ถูกส่งมาที่สุสานหมู่นี้ เพื่อคอยขุดหลุมศพตามคำสั่งมหาเศรษฐีหน้าตาอัปลักษณ์ที่ซื้อตัวมาไว้ให้ทำงานสกปรก โดยที่คอจะมีปลอกคอสัญลักษณ์ของนักโทษที่ติดด้ายพิเศษที่ผ่าตัดให้พันเส้นเลือดเอาไว้ หากฝืนดึงออกก็เท่ากับโดนปาดคอตาย ทำให้ไม่ว่าจะหนีที่ไปไหนก็มีตราบาปติดตัวเสมอ
พอถูกพามาที่สุสานพระเอกก็คอยหาทางหนีอยู่ตลอด พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะหนีออกไป แล้วก็ได้พบกับนางเอก เด็กสาวผิวซีดราวกับศพที่โผล่มาเฉพาะตอนกลางคืน จึงพยายามหาทางตีสนิทเพื่อใช้ประโยชน์
วันหนึ่งพระเอกก็ได้เจอกลุ่มคนประหลาดใส่หน้ากากพึ่งปราบสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัวเสร็จ แล้วเขาก็ได้รู้ว่างานที่แท้จริงของตนคืออะไร ที่เขาถูกพามาที่นี่ก็เพื่อขุดหลุมและคอยกลบหลุมฝังสัตว์ประหลาดเหล่านั้น สาเหตุที่เลือกพระเอกก็คงเพราะงานเดิมของเขาคือนายทหารตัวตุ่นที่มีหน้าที่ขุดหลุมหลบกระสุนในแนวหน้าของสนามรบนั่นเอง
ต่อมาก็มีคนประหลาดที่เรียกตัวเองว่าอีกาเข้ามาทำตีสนิท เล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องของสัตว์ประหลาดที่เป็นศัตรูคู่ฟ้าของมนุษย์นั่น ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถฆ่าได้ มันไม่มีวันตาย แต่ถ้าฝังลงในสุสานที่มีอายุยาวนานอย่างที่นี่ก็จะสามารถนึกมันไว้ได้
ขณะที่เรื่องราวเริ่มสมเหตุสมผลขึ้น พระเอกก็เริ่มสนิทกับนางเอกขึ้นเรื่อยๆ ในใจก็พยายามให้เหตุผลว่าที่ตนเข้าไปทำตีสนิทก็เพื่อหาทางใช้ประโยชน์เพื่อหนีออกไป แต่หัวใจกลับพูดกลับมาอีกอย่าง ในช่วงนั้นเองที่เหตุการณ์กลับพลิกผันอย่างรุนแรง สัตว์ประหลาดโผล่มาต่อหน้านางเอก แล้วเขาก็ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างอสุรกายกับสาวน้อยที่ตนคุยด้วยอยู่ทุกคืน
เรื่องนี้มันออกแนวหลอนปนสยดสยองแบบดาร์กแฟนตาซี แต่ก็หวานซึ้งสมกับชื่อเรื่องSUGAR DARK เป็นเรื่องราวความรักของพระเอกกับนางเอกที่ค่อนข้างไร้เดียงสาและอบอุ่นหัวใจ ท่ามกลางความเปลี่ยวเหงา มืดมิดและสกปรกโสมมของโลก
การบรรยายถือว่าใช้ได้เลย ละเอียดดี ได้อารมณ์ แล้วก็เข้าใจง่ายไม่มีงง
ยอมรับว่าตัวเองไม่ค่อยได้อ่านแนวโรแมนติกสักเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่แนวที่สนใจด้วย แต่อ่านเรื่องนี้แล้วกลับชอบ สำหรับคนที่อ่านแนวรักๆ มาเยอะอาจรู้สึกว่ามันเรียบง่ายเกินไปก็ได้มั้ง? แต่ผมคิดว่ามันลงตัวดีนะ
ถ้าให้คะแนนตามความคิดเห็นส่วนตัว สำหรับผม เรื่องนี้อยู่ในขั้นชอบจนถึงชอบมากครับ
หนังยางล้างใจ
5
โดย: เต่าน้อย วันที่เขียนรีวิว: 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ก่อนจะซื้อหนังสือเล่มนี้ผมเคยได้ยินเรื่องของกลวิธีนี้มาก่อนแล้วครั้งนึง อันที่จริงก็คือประมาณ1อาทิตย์ก่อนจะเดินผ่านร้านหนังสือ ผมได้คุยกับเพื่อนแล้วเห็นเขาใส่หนังยางสีเหลืองเส้นหนาๆที่ข้อมือก็เลยถามไปว่าใส่ทำไม เพราะมันก็ไม่ได้จะสวยอะไร ใส่เป็นแฟชั่นก็จะดูไร้สาระไปหน่อย
เพื่อนผมก็เลยเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยไปเข้าอบรมของฝรั่งแล้วเขาก็สอนมาว่า คนเรานั้นแบ่งเป็นพวกอยู่เหนือเส้นกับอยู่ใต้เส้น พวกที่อยู่ใต้เส้นก็คือพวกที่สร้างผลงานได้ต่ำ หรือก็คือคนธรรมดาส่วนใหญ่นั่นแหละ ส่วนพวกเหนือเส้นคือคนที่สร้างผลงานได้ในระดับสูง และการจะขึ้นไปเหนือเส้นได้หากไม่เก่งมาแต่แรกก็ต้องใช้เครื่องช่วย เพราะคนที่อยู่ใต้เส้นนั้นมีข้อเสียหลายอย่างที่ขัดขวางไม่ให้เติบโตไปสู่การประสบความสำเร็จ ซึ่งเครื่องช่วยที่ว่าก็คือหนังยางที่เขาใส่อยู่นั่นเอง
วิธีใช้ก็คือ เมื่อไหร่ที่คิดหาข้ออ้าง บ่น หรือคิดกล่าวโทษคนอื่น ให้ดีดหนังยางใส่ข้อมือซะ! เพราะนิสัยเหล่านี้มันคอยขัดขวางการเติบโตของเรา เมื่อเราดีดหนังยางก็จะเจ็บและรู้ตัว หนังยางมันก็คือเครื่องมือช่วยเตือนสติให้เรารู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งไม่ดีนั่นเอง
หลังจากฟังจบ ผมก็กลับบ้าน แล้วก็ลืม ไม่ได้สนใจอะไร ต่อมาวันหนึ่ง เดินผ่านร้านหนังสือก็เจอหนังสือเล่มนี้ “หนังยางล้างใจ” แถมมีหนังยาง(ที่ดูดีกว่าที่เพื่อนใส่)แถมมาให้ด้วย พอลองอ่านด้านหลังก็ชักคลับคล้ายคลับคลา เฮ้ย! นี่มันที่เพื่อนเล่าให้ฟังเลยนี่หว่า ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องที่คุยกับเพื่อนเรื่อยเปื่อยอยู่ๆมันจะมาโผล่ตรงหน้า แถมรวมเล่มเสร็จสรรพแถมอุปกรณ์พร้อมใช้งานเรียบร้อย ...ผ่านไปราว3นาที หนังสือเล่มนี้ก็มาอยู่ในกระเป๋าผมซะแล้ว
บอกตามตรง ที่ซื้อก็เพราะเพื่อนเคยเล่าให้ฟังนั่นแหละ บอกว่าเป็นกลวิธีของพวกฝรั่งที่ประสบความสำเร็จเขาเอามาอบรม(เห็นว่าอบรมทีรอบละ4000บาท เว่อร์มาก กะแค่สอนใช้หนังยางล่อซะ4000!) พอกลับบ้านผมก็เลยลองอ่านดู ในเล่มเขาจะแบ่งเป็น21บท=21วันพอดี ให้อ่านแล้วทำตามวันละบทไปเรื่อยๆ ช้าๆ ไม่ต้องรีบ เพราะมันเป็นการปรับเปลี่ยนตัวเราในระยะยาวสู่การเป็นตัวเองที่ดีกว่า เขาบอกว่า อะไรที่เราทำติดต่อกัน21วันขึ้นไปแล้วมันจะกลายเป็นนิสัยติดตัว หากอยากเลิกนิสัยอะไร หรือสร้างนิสัยใหม่ ก็ต้องทำติดต่อกันทุกวันให้ครบ21วันจึงจะเห็นผล ...ซึ่งก็ดันตรงกับที่คุยกับเพื่อนวันนั้นด้วย (สรุป เพื่อนมันไปฟังอบรมที่เดียวกับคนเขียนรึเปล่าฟะ?)
ในเล่มนี้เขาสอนให้ปรับเรื่องของทัศนคติ(ถ้าคิดลบเมื่อไหร่ก็ดีด) ไม่ได้พูดถึงข้ออ้าง หรือการโทษคนอื่นแบบที่เพื่อนบอกก็จริง แต่พอลองแล้วผมรู้สึกว่าวิธีการนี้มันสามารถใช้ได้กับทุกอย่างเลยนะ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะหนังยางมันคือเครื่องเตือนใจ หากอยากแก้นิสัยอะไรก็กำหนดไว้แล้วทำให้ได้ครบ3อาทิตย์เท่านั้นเอง เช่น การเลิกบุหรี่ (อันนี้คิดเองไม่มีในหนังสือ)
พอลองทำตามดู วันแรกๆรู้สึกตัวเลยครับ ...ว่าเจ็บ เออวุ้ย จริงอย่างที่เขาบอก คนเรานี่มีความคิดลบอยู่เยอะจริงๆ แถมไม่รู้ตัวอีกต่างหาก ก่อนที่จะใช้หนังยางผมคิดว่าวันนึงๆตัวเองมีความคิดด้านลบไม่เยอะเท่าไหร่ ออกจะเป็นคนใจเย็นด้วยซ้ำ แต่พอมีหนังยางแล้ว วันแรกๆที่เริ่มใช้ โดนดีดเกือบ10ทีเลยครับ พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองมีความคิดด้านลบผ่านเข้ามาเยอะขนาดนี้ พอมีหนังยางดีดถึงได้รู้สึกตัว พอรู้สึกตัวบ่อยๆเข้าถึงเริ่มควบคุมมันได้ ต้องผ่านมาตั้งหลายวันกว่าจะลดลงจนหมด ตอนนี้หลังจากเริ่มใช้มาเกือบ2เดือนแต่ละวันผมคิดเรื่องแย่ๆน้อยลงมากเลย วันๆนึงโดนดีด0-3ทีเท่านั้นเอง
ในเล่มนี้เขาจะสอนวิธีการอีกหลายอย่าง แต่การดีดที่เล่ามานั่นคือหัวใจสำคัญ เป็นขั้นแรกสุดของการพัฒนาการ เพราะก่อนที่เราจะแก้ไขได้เราต้องรู้ตัว จากนั้นพอมีทัศนคติที่ดีต่อทุกๆสิ่ง สิ่งดีๆทั้งหลายมันก็จะตามมาเอง
หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่งเลยครับ เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ผมรู้สึกดีๆได้ทุกวัน อารมณ์ดีขึ้นเยอะ ถอนหายใจน้อยลง หลังอ่านจบสมควรแก่การเอาให้คนใกล้ตัวอ่านต่อมากๆ
www.batorastore.com © 2024